วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556
มารู้จักเสือโคร่งขาวกันเถอะ
โดยมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับเสือโคร่งเบงกอลทุกประการ เพียงแต่มีลักษณะเด่น คือ แต่มีขนพื้นสีขาวและลายสีน้ำตาลเข้ม ม่านตาสีฟ้า จมูกสีชมพูและสีขาวครีม ซึ่งเกิดจากการผิดปกติของยีน โดยมิใช่สัตว์เผือกโดยแท้จริง แต่เป็นอาการผิดปกติที่ผิวหนังมีจำนวนเม็ดสีน้อย ที่เรียกว่า "ภาวะด่าง"
เสือโคร่งขาวเบงกอล ตัวแรกที่มีประวัติบันทึกไว้ในธรรมชาติ พบที่ประเทศอินเดีย ในรอบ 100 ปี พบเพียง 12 ตัวเท่านั้น ปัจจุบันพบได้น้อยมากในธรรมชาติ และด้วยความโดดเด่นในสีผิวจึงนิยมแสดงไว้ตามสวนสัตว์ต่าง ๆ มีการนำไปเพาะเลี้ยงในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จนมีแพร่ขยายพันธุ์ออกลูกในที่เลี้ยงปัจจุบันมีเสือโคร่งขาวประมาณ 200 ตัว ส่วนใหญ่อยู่ตามสวนสัตว์ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้แล้ว เสือโคร่งขาวเบงกอล ยังเป็นสัตว์เลี้ยงของบุคคลระดับมหาเศรษฐีด้วย เช่น ไมค์ ไทสัน อดีตแชมป์โลกมวยสากลในรุ่นเฮฟวี่เวทชาวอเมริกันเป็นต้น
รู้จักเจ้า "บีเกิ้ล"
บีเกิ้ลเป็นน้องหมาในใจของใครหลายคนนะคะ เพราะนิสัยร่างเริงใจดีขี้เล่นของเขา แต่ก่อนจะตัดสินใจรับบีเกิ้ลมาเลี้ยง ลองมาทำความรู้จักกับน้องหมาพันธุ์นี้ให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ
ต้นกำเนิด
สุนัขล่าเนื้อปรากฎอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของชาวกรีกโบราณเมื่อ 400 ปีก่อนคริสต์กาล และถูกนำเข้ามาในประเทศอังกฤษในสมัยโรมัน และในปี ค.ศ. 1550 ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขล่าเนื้อขนาดเล็กสำหรับล่ากระต่ายและกระต่ายป่าขึ้นมา โดยตั้งชื่อว่า "Begles" มาจากภาษาฝรั่งเศสหมายถึง "คอเปิดอ้า" หมายความถึงสุนัขที่มักจะใช้ปากเพื่อส่งเสียง เช่น เห่าหอนเมื่ออยู่ในฝูง ชาวอังกฤษได้แปลงชื่อเป็น 'Beagle' และต่อมาประเทศอังกฤษได้กลายเป็นถิ่นกำเนิดสุนัขบีเกิ้ลสายพันธุ์ใหม่ บรรพบุรุษของสุนัขบีเกิ้ลคือ ฟอกซ์ฮาวน์ ซึ่งจัดอยู่ในสายพันธุ์แฮริเออร์ กลุ่มบลัดฮาวน์ขนาดเล็กที่มีชื่อว่า "เคอร์รี่ บีเกิ้ล" เดิมที สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ลมีหลายขนาดและมีขนหลายแบบ เช่น ขนเรียบแบบ สุนัขล่าเนื้อสมัยใหม่ และขนหยาบสั้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสายพันธุ์ "บีเกิ้ลกระเป๋า" ที่มีความสูง 10 นิ้ว เพื่อให้สามารถพกพาโดยใช้กระเป๋าที่แขวนบนอานม้าได้
ลักษณะประจำสายพันธุ์
ลักษณะของบีเกิ้ลที่ได้มาตรฐาน ได้แก่ ส่วนหัวยาวสวยงามและกะโหลกด้านบนโค้งเล็กน้อย หูมีปลายมน เมื่อจัดให้อยู่ในท่ายืนหน้าตรง หูจะห้อยติดกับหัว และยาวในระดับเดียวกับปลายจมูก กระบอกปากยาวปานกลางและมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม รูจมูกมีสีดำเปิดกว้าง ขนาดใหญ่ ตาห่างกันพอประมาณ อาจมีสีน้ำตาลหรือสีฮาเซล คอยาวปานกลาง ไม่มีรอยยับย่น ไหล่ลาด ประกอบด้วยกล้ามเนื้อแต่ไม่เทอะทะ หลังสั้นและตรง ขาเหยียดตรง ข้อเท้าใหญ่ สะโพกจะต้องมีกล้ามเนื้อสวยงามเพื่อให้รูปร่างของบีเกิ้ลดูแข็งแรงและกระทัดรัด โคนหางสูงพอเหมาะ โค้งเล็กน้อย มีขนที่ปลายหาง สีที่ได้รับการยอมรับในเวทีประกวดคือสีในกลุ่มฮาวน์ ยกเว้นสีน้ำตาลแดงเข้ม (Liver Color)
- ขนาดสายพันธุ์: เล็ก
- ประเภทสายพันธุ์: บีเกิ้ลจัดเป็นสุนัขล่าเนื้อที่เล็กที่สุด ปัจจุบันมีการเีลี้ยงบีเกิ้ลเพื่อใช้ในการกีฬาและเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน
- รูปร่างลักษณะ: บีเกิ้ลเป็นสุนัขขนาดตัวเล็กแต่รูปร่างหนาและแข็งแรง ดูเป็นมิตร ใจดี กระทัดรัดปราดเปรียว และเก่งกาจในด้านกีฬา ชอบวิ่งเล่นอย่างอิสระ มีขนสั้นและหนาที่ช่วยป้องกันร่างกายจากสภาพอากาศ
- สี: ที่เห็นได้ทั่วไปส่วนใหญ่มักมีขนสามสีคือ สีดำ ขาว และสีแทน แต่ก็สามารถพบเห็นบีเกิ้ลมีสีอื่นๆ ได้ในสีของสุนัขกลุ่มฮาวน์
- ความยาวขน: สั้น/เรียบ
น้ำหนัก / ส่วนสูง
บีเกิ้ลทั้งเพศผู้และเพศเมียมีส่วนสูงเมื่อวัดจากเท้าถึงจุดสูงสุด บนไหล่ประมาณ 13-16 นิ้ว และหนัก 17-31 ปอนด์ ในอเมริกา บีเกิ้ลมีสองขนาดได้แก่ บีเกิ้ลที่มีความสูงไม่เกิน 13 นิ้ว (วัดจากเท้าถึงจุดสูงสุดของไหล่) และไม่เกิน 15 นิ้ว (วัดจากเท้าถึงจุดสูงสุดของไหล่)
การเจ็บป่วย
บีเกิ้ลมีสุขภาพแข็งแรงมาก จึงมีโรคประจำสายพันธุ์น้อย
อุปนิสัย
ใจดีและเข้ากับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้ดี บีเกิ้ลจะพยายามเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสัตว์เลี้ยงของคุณอย่างเต็มที่ บีเกิ้ลรักเด็ก แต่ถ้าเจ้าของอยากให้บีเกิ้ลเข้ากับแมวได้ดี จะต้องให้บีเกิ้ลทำความคุ้นเคยกับแมวตั้งแต่ยังเล็ก บางครั้งอาจพบว่าบีเกิ้ลชอบเดินไปรอบๆ บ้าน ใช้จมูกดมกลิ่นไปทั่ว นั่นแสดงว่าบีเก้้ิลกำลังสร้างแผนที่อาณาเขตของตนเองโดยใช้กลิ่นเป็นตัวกำหนดอาณาเขต บีเกิ้ลจะตรวจสอบอาณาเขตเป็นระยะ ถ้าพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ก็จะเห่าส่งเสียงเตือน ทำให้บีเกิ้ลสามารถเฝ้าบ้านได้ดี หากมีขโมยเข้าบ้าน บีเกิ้ลจะเข้าโจมตีเพื่อไล่ขโมยออกไปจากอาณาเขตส่วนตัว
ความฉลาด
การฝึกบีเกิ้ลต้องทำตั้งแต่อายุยังน้อย มิฉะนั้นจะไม่สามารถควบคุมบีเกิ้ลได้ แต่มักจะแสดงนิสัยประจำสายพันธุ์ให้เห็น เช่น กินมากเกินไปและทำสกปรกวุ่นวาย เป็นต้น นอกจากนี้ บีเกิ้ลยังมีนิสัยชอบสร้างความพอใจให้เจ้าของ โดยเจ้าของต้องออกคำสั่งที่หนักแน่น มั่่นคง บีเกิ้ลที่ไม่ได้รับการฝึกตั้งแต่อายุยังน้อยจะไม่ยอมรับคนแปลกหน้า และอาจส่งเสียงเห่าในระดับที่ก่อให้เกิดความรำคาญ
พลังงาน สูง
ความต้องการในการออกกำลังกาย
บีเกิ้ลจำเป็นต้องได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพราะมีสัญชาตญาณในการล่าสูงมาก เจ้าของจะไม่สามารถถอดสายจูงออกได้จนกว่าบีเกิ้ลจะได้รับการฝึกให้กลับมาหาเจ้าของเมื่อได้ยินสัญญาณเรียกเสียก่อน การฝึกอาจใช้ระยะเวลานาน และต้องจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ที่มีรั้วสูงไม่น้อยกว่า 6 ฟุตล้อมรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้กระโดดหนีออกไปข้างนอก เพราะเมื่อใดที่่ได้กลิ่นและมีโอกาสออกไปนอกบ้าน บีเกิ้ลมักจะไม่ยอมกลับมาง่ายๆ นอกจากนี้ บีเกิ้ลมีพรสววรค์ในการหลบหนี ซึ่งวิธีทำให้สงบลงคือการปล่อยให้บีเกิ้ลได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณในการล่าตามธรรมชาติออกมาบ้าง เพราะบีเกิ้ลต้องออกกำลังกายมากเป็นพิเศษ จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนัก
การให้อาหารและการเป้นเจ้าของ
บีเกิ้ลไม่ใช้สุนัขที่เลือกกิน เจ้าของสามารถให้อาหารแห้งหรืออาหารกระป๋องวันละหนึ่งถึงสองครั้ง และควรระมัดระวังเกี่ยวกับปริมาณอาหาร เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน
การดูแลตกแต่งขน
บีเกิ้ลเลี้ยงง่าย การดูแลขนทำได้โดยการใช้แปรงแปรงเร็วๆ เป็นประจำทุกวัน เพื่อกำจัดขนร่วงและขนที่ตายแล้วให้หลุดออกไป อย่างไรก็ตาม บีเกิ้ลมักชอบคลุกตัวกับสิ่งที่มีกลิ่นเหม็น แต่ก็สามารถจับอาบน้ำได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังชอบกินอาหารสกปรก เจ้าของอาจต้องใช้แปรงสีฟันสำหรับสุนัขแปรงฟันให้อย่างสม่ำเสมอ และควรตรวจดูหูเป็นประจำ เพื่อความสะอาดปราศจากการติดเชื้อ
นิสัยของหมาเเต่ละสายพันธุ์ตอนจบ
18. บลูด็อก
เป็นสุนัขที่มีกำลังมากและตัวใหญ่ เป็นสุนัขที่มีเสน่ห์ เชื่อง ฉลาด อดทน มีขนสั้นตรง นุ่ม มีสีน้ำตาล-ขาว น้ำตาล-แดง หรือหลายสีปนกัน เช่นน้ำตาลมีปื้นขาว
19.เชา เชา
มีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน เป็นพันธุ์ขนหยาบ มีขนหนาหลายชั้นและฟูตรง นิสัยร่าเริง รักอิสระ กล้าหาญ ฉลาด รักเจ้าของ นิยมใช้เฝ้าบ้าน เป็นสุนัขพันธุ์เดียวที่มีลิ้นดำ
20.ร็อตไวเลอร์
มีสีดำตลอดตัว อาจมีสีน้ำตาลปนเข้มบ้างเล็กน้อย มีโครงสร้างแข็งแรงมาก เป็นสุนัขที่ฉลาด ฝึกง่าย และรักที่จะทำงาน มีนิสัยมุ่งมั่นหวงแหนเขตแดนอย่างมาก จึงมักมีอารมณ์ดุร้ายได้หากโดนแกล้งหรือแหย่ให้โมโห แต่ถ้าเลี้ยงแบบให้ความรักเค้าและอ่อนโยนต่อเค้า คุณก็จะได้อารมณ์เยี่ยงนั้นกลับมาเป็นทวีคูณ
21.บอสตัน เทอร์เรีย
ถือกำเนิดในสหรัฐอเมริกา นิสัยกล้าหาญ ร่าเริง และฉลาด เหมาพเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนในบ้าน ไม่ค่อยอยู่นิ่ง
22.ยอร์คเชีย เทอร์เรีย
มีขนยาวเป็นมัน เรียบตรงและนิ่มสลวยเหมือนเส้นไหม เป็นสุนัขเลี้ยงง่าย นอกจากเรื่องขนที่ต้องดูแลแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นให้จุกจิกกวนใจ เป็นสุนัขฉลาด กล้าหาญเกินขนาดตัวที่เล็กจิ๋ว ชอบทำตัวเป็นผู้นำจ่าฝูง มีจริตกิริยาที่น่ารัก
23.พุดเดิ้ล
เป็นสุนัขที่นิยมเลี้งในบ้านเรา ทั้งพุดเดิ้ลทอย และ ทีคัพ นิสัยคล้ายกันทั้ง 2 พันธุ์ คือขี้อ้อน เรียกร้องความรักสุดๆ และมีความรักให้เจ้าของเหลือเฟือ มีขนหยิกหนา คนเลี้ยงจะสนุกกับการทำ grooming สีทีนิยมมีทั้งขาว น้ำตาลและดำ
24.มอลทิส
เป็นสุนัขตระกูลทอย เหมาะสำหรับคนที่ชอบสุนัขแบบคุณหนู เพราะตัวเล็ก อ้วนกลม ขาวสะอาดแต่ไม่บอบบาง ตรงข้ามกลับเป็นสุนัขเลี้ยงง่าย มีขนละเอียดอ่อนเหมือนสำลีผสมไหม หน้าหวาน ตาโต เลี้ยงเป็นเพื่อนได้ดี แต่เฝ้าบ้านไม่ได้เพราะแทบไม่เห่าและไม่ระแวงใครเลย
นิสัยของหมาเเต่ละสายพันธุ์ตอนที่1
1.ปั๊ก
เป็นสุนัขหน้าตายับย่นที่มีเสน่ห์สุดบรรยาย "ปั๊ก" เป็นสุนัขเก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง ว่ากันว่าเคยเป็นสุนักในพระราชสำนักยุคพระนางซูสีไทเฮา "ปั๊ก" ติดคนรักและเจ้าของชนิดนั่งมองหน้าได้กันเป็นวัน อายุยืน เหมาะที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน แต่แพ้อากาศร้อน จึงไม่เหมาะจะเลี้ยงไว้นอกบ้าน
2.โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
หากคุณต้องการมีสุนัขที่รักคุณแบบมอบกายถวายชีวิต คุรจะต้องเลือก"โกลเด้น รีทรีฟเวอร์" เพราะแววตาที่เขามองคุณนั้นเปี่ยมล้นด้วยความรัก มีขนสีทองสลวย รูปร่างสง่างาม ฉลาด ฝึกง่าย กระตือรือร้น แต่เฝ้าบ้านไม่ได้เพราะเป็นมิตรกับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งขโมย
3.ไซบีเรียน ฮัสกี้
สุนัขสัญชาติรัสเซีย มีขนสวยและหนา ตาแปลกและสวยมาก รูปร่างสง่างาม ปราดเปรียว ว่องไว รักอิสระ ไม่ชอบถูกกักขัง และมีพลังงานเหลือเฟือ หากคิดจะเลี้ยงพันธุ์นี้ต้องมีอาณาบริเวณให้เค้าวิ่ง และรั้วรอบขอบชิดพอสมควร ไม่งั้นอาจหายได้(อ่ะ..ล้อเล่นจ้ะ)
4.บาสเซ็ทฮาว
เป็นสุนัขขนาดกระทัดรัด หูยาว ขาสั้น เมื่อเทียบกับขนาดลำตัว มีขน2-3สี นิสัยร่าเริง รักอิสระมองโลกสดใส ถ้าไม่ได้เจ็บป่วยจริงจะไม่เห็น บาสเซ็ทฮาว ซึมเศร้าเลย จึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน
5.เวสตี้
เป็นสุนัขสีขาวยอดนิยม แต่มีไม่มากนัก มีเสน่ห์ ร่าเริง น่ารัก ช่างประจบและขนาดเล็ก น้ำหนักโตสุดไม่เกิน8กก. เวสตี้เป็นหมาติดคนอย่างมาก จัดเป็นสุนัขที่เป็นได้ทั้งเพื่อนและอารักขา (แบบจุ๋มจิ๋ม) เพราะหูไว เห่าเก่ง (แต่ไม่พร่ำเพื่อ)
6.ชิวาวา
เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่สุด จึงนิยมใส่กระเป๋าพกติดตัวไปทุกที่ เห็นตัวเล้กอย่างนี้ ลักษณะเด่นคือ ความสง่างาม คล่องแคล่วว่องไว และตื่นตัวตลอดเวลา ขนสั้น
7.เฟรนซ์ บลูด๊อก
สุนัขสัญชาติฝรั่งเศส ขนาดกระทัดรัด แข็งแรง มีหูคล้ายค้างคาว นิสัยขี้เล่น หนังบริเวณลุกกระเดือกค่อนข้างย่น ขนมีหลายสี ทั้งน้ำตาล ขาว ขาว-น้ำตาล ขนสั้นนุ่ม น่ากอดน่าสัมผัส ถ้าปล่อยให้อ้วนมักมีปัญหาทางเดินหายใจ
8.บิชอง ฟริเซ่
นิสัยร่าเริงแจ่มใส ขนสีขาวปุกปุยเหมือนปุยเมฆ น้ำหนักเพียง3-6กก.
9.ชิสุ
มีความโดดเด่นที่ขนสวย แต่งทรงได้หลากหลาย มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง ไม่ชอบการฝึกสอน ชอบให้คุณมาอุ้มมากกว่าที่จะเดินไปให้อุ้ม คุณต้องอ้อนเค้า.....ไม่ใช่รอให้มาอ้อนคุณ
10.แจ็ค รัสเซล เทอร์เรีย
สุนัขตระกูลผู้ดีอังกฤษ นิสัยร่าเริง เป็นกันเอง แบบสุดๆ กระทัดรัด ขาสั้น รักสนุก กระตือรือร้น เป็นมิตร จงรักภักดีต่อเจ้าของ และใช้เฝ้าบ้านได้ดีเยี่ยม
11.บีเกิ้ล
กินเก่ง แบบยอมตายดีกว่าจะอด และมีจมูกดมกลิ่นเป็นเลิศ และมักจดจ่อต่อกลิ่นที่สนใจเป็นเยี่ยม เป็นสุนัขยอดนิยมในอเมริกา (และเราจำได้ว่าเป็นพระเอกหนังเรื่อง Under Dog ด้วยนะ)
12.มินิเจอร์ ชเนาเซอร์
มีขนตายาวเป็นพุ่ม ขนรอบปากยาวรุงรัง จึงต้องตัดแต่ง คางมีเครายาวเหมือนแพะ นิสัยเป็นมิตร ร่าเริง ขี้อ้อนเหลือร้าย
13.ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์
มีนิสัยตอบสนองเร็ว เป็นมิตร สงบ เรียบร้อย ซื่อสัตย์ ฉลาด รักเจ้าของ นิยมนำมาฝึกให้นำคนตาบอด และทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ โครงสร้างบึกบึน น่าเกรงขาม
14.เซนต์ เบอร์นาร์ด
เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ มีกำลังมาก มีนิสัยชอบช่วยเหลือ สุภาพอ่อนโยน ผิดกับรูปร่างที่น่าเกรงขาม
15.ปอมเมอเรเนียน
มีขนหนาหลายชั้น ร่าเริง ฉลาดขี้อ่อน อยากรู้อยากเห็น แววตาแสดงถึงความฉลาดอย่างชัดเจน
16.อัลเซเชี่ยน
เป็นสุนัขที่ฉลาด เป็นมิตร การฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งตั้งแต่เล็กจะช่วยดึงความสามารถพิเศษของเค้าออกมา
17.ดัชชุน
ลำตัวยาว ขาสั้น (รู้สึกว่าหิ่งห้อยก็มีเชื้อดัชชุนอยู่นิดหนึ่งนะ) แบ่งย่อยได้หลายสายพันธุ์ ขนเรียบ ขนยาว ขนหยิก ร่าเริง ฉลาด ดมกลิ่นดีเยี่ยม ความอดทนสูง สามารถเฝ้ายามได้ดี เป็นสัตว์ที่ตื่นตัวเสมอ และเห่าเสียงดัง
วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556
เจ้าโย่งเเห่งทุ่งเเอฟริกา
ยีราฟ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง มีลักษณะเด่น คือ เป็นสัตว์ที่ตัวสูง ขายาว ลำคอยาว มีเขา 1 คู่ ตัวมีสีเหลืองและสีน้ำตาลเข้มเป็นลาย มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา ตัวผู้มีความสูง 4.8 ถึง 5.5 เมตร (16-18 ฟุต) และมีน้ำหนักถึง 900 กิโลกรัม (2,000 ปอนด์) ตัวเมียมีขนาดและความสูงน้อยกว่าเล็กน้อย จัดเป็นสัตว์บกที่มีความสูงที่สุดในโลก
ยีราฟ มีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมีย ไม่ผลัดเขา ที่เขามีขนปกคลุมอยู่ มีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมเป็นฝูงราว 15-20 ตัว หรือมากกว่านั้น ในทุ่งโล่งร่วมกับสัตว์กินพืชชนิดอื่น ๆ เช่น แอนทีโลป, ม้าลาย หรือนกกระจอกเทศ เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 3 ปีครึ่ง ตั้งท้องนาน 420-461 วัน ลูกยีราฟหย่านมเมื่ออายุได้ 10 เดือน เมื่อคลอดออกมาแล้วจะสามารถยืนและเดินได้ภายในเวลาไม่นานเหมือนสัตว์กีบคู่ ทั่วไป และวิ่งได้ภายในเวลา 2-3 วัน ตัวเมียมีเต้านมทั้งหมด 4 เต้า ยีราฟจะเป็นสัตว์ทุก ๆ 14 วัน แต่ละครั้งเป็นอยู่ราว 24 ชั่วโมง มีอายุขัยเฉลี่ย 20-30 ปี
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วิธีการเลี้ยงกระต่าย
วิธีการเลี้ยงกระต่ายเบื้องต้น
วิธีการ เลี้ยงกระต่ายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับการเลี้ยงและพัฒนาพันธุ์ กระต่าย ถ้าเราอยากให้กระต่ายของเราสมบูรณ์ แข็งแรง น่ารัก เราก็ต้องมาทำความเข้าใจกับธรรมชาติของกระต่ายเสียก่อน ว่าเค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร อะไรทานได้ อะไรทานไม่ได้ เราถึงจะได้ดูแลเค้าได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม อาหารสำเร็จรูป หญ้า ผัก ผลไม้และน้ำ รวมถึงวิธีการให้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เลี้ยงจะต้องรู้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้กระต่ายมีความสุขและมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์น้ำ เป็นโภชนาการที่สำคัญที่สุด น้ำที่สะอาด และเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงจะละเลยไม่ได้ ถ้าหากกระต่ายขาดน้ำกระต่ายจะไม่ยอมทานอาหารอะไรเลย จึงแนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำเช้า-เย็น นอกจากนี้อาทิตย์หนึ่งๆ ควรมีสักวันหยดวิตามินรวม น้ำสีแดงๆ ให้กระต่ายสัก 2-3 หยด ต่อน้ำครึ่งลิตร เพื่อให้กระต่ายได้รับวิตามินบางตัวที่ไม่มีในอาหาร เช่นวิตามินบี ซีและเค การผสมวิตามินลงในน้ำสามารถช่วยลดอาการเครียดและเป็นผลดีต่อกระต่ายแม่ พันธุ์ที่ผสมติดต่อกันหลายครอก น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระต่ายและโดยเฉพาะในกระต่ายขน น้ำจะช่วยให้ขนกระต่ายมีคุณภาพที่ดี จำไว้ว่าลิ้นของกระต่ายค่อนข้างไวต่อรสชาติของน้ำที่เปลี่ยนไป และในบางครั้งเค้าอาจจะไม่ยอมดื่มน้ำที่แปลกกว่าที่เคยทาน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาอันสั้น ที่กระต่ายขาดหรือไม่ยอมทานน้ำ แต่สิ่งนี้อาจจะส่งผลให้เกิดเมตาโบลิซึมของการสร้างขนที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจจะทำให้ขนกระต่ายพันกันได้
ประวัติของกระต่าย
กระต่าย จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในวงศ์ Leporidae มีลำตัวขนาดเล็ก ขนปุย หูยาว พบในหลายแห่งของโลก มีสัตว์ 7 สกุลจัดอยู่ในวงศ์ของกระต่าย ที่พบอาศัยตามป่าทั่วไปในประเทศไทยมีชนิดเดียว คือ กระต่ายป่าึืคือ (Lepus peguensis)
ซึ่งมีขนสีน้ำตาล ใต้หางสีขาว ขุดดินเป็นโพรงอาศัย
ส่วนที่นำมาเลี้ยงตามบ้าน มีหลายชนิดและหลายสี
แต่ที่พบมากจะเป็นสีอ่อนเช่นสีขาว เช่น ชนิด Oryctolagus cuniculus
เเมวต่างประเทศ
พันธุ์อะบีซิเนียน (Abyssinian)
เชื่อกันว่า เป็นแมวที่มีบรรพบุรุษมาจากแมวในอียิปต์โบราณ ในสมัยนั้นคนอียิปต์ต้องถือว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในพิธี
กรรมการสักการะเทพเจ้าบาเบทที่เป็นหญิงมีหัวเป็นแมว แมวพันธุ์นี้ได้ถูกนำไปเกาะอังกฤษราวปี 1968ว่ากันว่าทหารอังกฤษที่
มารบในสงครามอะบีซีเนียนเป็นผู้นำไปแถบที่สงครามเกิดในปัจจุบัน ก็คือ ประเทศเอธิโอเปียนั่นเอง
เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอียิปต์ ถูกนำเข้าสู่อังกฤษโดยนายทหารที่ไปรบ ที่เกาะซูลูประมาณปี ค.ศ.1968 เป็นแมว
ขนาดเล็กและสวยงาม หัวยาวแหลมกว่าแมวไทย ใบหูใหญ่ปลายแหลมตาสีเหลืองเขียวและน้ำตาลอ่อน ขนสั้นละเอียด
เป็นลายกระรอก ปัจจุบันนี้ค่อนข้างหามาเลี้ยงดูได้ยาก
ลักษณะสายพันธุ์
สี : มีสีของแมวคือ น้ำตาลแดง น้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลมีแถบน้ำตาลเข้มปน รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวสมส่วนเพรียวไม่ดูเทอะทะ หัวจะเป็นรูปลิ่มสามเหลี่ยม ใบหูใหญ่ชี้ขึ้น ตาโตรูป
อัลมอนด์ตาสีเหลืองอำพัน หรือสีน้ำตาลแดง สีเขียวก็ยังยอมรับได้ ขาจะยาว เท้าเล็กรูปไข่
ลักษณะนิสัย : รักอิสระ เรียนรู้สิ่งต่างๆว่องไว ฉลาดมากมีความตื่นตัวสูง เหมาะสำหรับคนที่มีบ้านช่องใหญ่โตเพราะเป็นแมว
ที่ร่าเริงตลอดวัน
พันธุ์แองโกล่า (Angora)
เป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งจากเมืองแองโกลา ประเทศตุรกี ปัจจุบันเมื่องนี้ ชื่อ Ankara มีขนคล้ายเส้นไหมหนาเหมือนขนแกะแองโกลา
ขนละเอียดเงาเป็นมัน วาว
ปี1963 สวนสัตว์เมือง Ankara ได้มอบแมวพันธุ์นี้นำเข้าสู่อเมริกา
1คู่ อีก3ปี ต่อมาได้มีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้น
ในอังกฤษ
ลักษณะสายพันธุ์
สี : ขนสีขาว
รูปร่างและขนาด
: เป็นแมวตัวยาว หางเล็ก คอสั้น หูตั้ง ลูกในตากลมรี ขายาว
อุ้งเท้าค่อนข้างเล็กกลมมน สะโพกใหญ่ เมื่อเคลื่อนไหว
หางจะกระเพื่อมอย่างแรง ขนหน้าท้องดก นิ้วเท้าและปลายหูจะมีขนเป็นจุก นัยน์ตาสีน้ำเงิน สีอำพัน หรืออาจเป็นสีใดสีหนึ่งหรือตา
สองสีในตัวเดียวกัน
พันธุ์บาหลี (Balinese)
ถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาเหนือ เป็นแมวขนยาว ลูกนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มสีบริเวณ ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆเกิดขึ้น
(ขนจะหดสั้น) มีสีทึบ เป็นแมวที่มีความเชื่อมั่น มีไหวพริบฉลาดสูง บริเวณศีรษะ ลำตัว ช่วงขาและหางเป็นลักษณะของแมวไทย
ลักษณะสายพันธุ์
สี : ขนสีขาวนวล
รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนยาว มีสีทึบ หูตั้ง ลูกในตากลมรี ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆ นัยน์ตาเป็นสีน้ำเงิน
พันธุ์อียิปต์เชียนมัว (Egyptian Mau)
ขนสีน้ำตาลสีเดียว และลูกแมวชุดดังกล่าวถูกนำไปผสมพันธุ์ต่อพัฒนาเป็นสายพันธุแมวพันธุ์ฮาวานา ถูกขนานนามว่าฮาวานา
เนื่องจากแมวพันธุ์นี้มีสีขนเหมือน กับยาสูบที่มีมากๆในกรุงฮาวานานั่นเอง
ลักษณะสายพันธุ์
สี : น้ำตาล น้ำตาลเชสนัท
รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวยาวเพรียว ขาเรียว หัวเป็นรูปลิ่ม มีจมูกที่ยาวและตรง ดวงตาเป็นรูปอัลมอนด์สีตา
เป็นสีเขียว ใบหูใหญ่ปลายหูกลมมีขนที่ใบหูน้อยมาก ขนจะสั้นและแน่น เท้าเล็กรูปไข่
ลักษณะนิสัย : คล้ายแมวไทย ฉลาด รักอิสระเสรี ชอบเที่ยว
พันธุ์อเมริกันขดลวด (American Wire Hair)
มีต้นกำเนิดมาจากแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น เกิดจากการผสมพันธุ์แล้วให้ลูกแมวที่มีลักษณะแปลกประหลาดคือ จากที่ขนสั้น
แน่นเรียบกลับไปได้ลูกแมวที่มีขนหนาแน่นแต่ขนม้วนชี้เป็นลูกคลื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้กำเนิดในเขตชานเมืองนิวยอร์ค ราวปี1966
ลักษณะสายพันธุ์
สี : มีสีคล้ายกับแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นมากลายมากสีถึง 34 เฉดลาย
รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่ มีกล้ามเนื้อชัดเจน แข็งแรง หัวโตรูปไข่แต่มีคางที่เป็นเหลี่ยมเห็นคางชัดเจน
หูขนาดกลางกลมมนที่ขอบ ตาโตกลมขอบตาบนด้านนอกใหญ่หนาโค้งลงที่หัวตา สีตาเป็นสีเหลืองทองขายาวปานกลางแข็งแรง
เท้ากลมใหญ่
ลักษณะนิสัย : ใจดี ขี้เล่นทั้งวัน ฉลาดและสอนง่าย
พันธุ์บอมเบย์ (Bombay)
จากนำแมวพม่าสีน้ำตาลเข้มผสมพันธุ์กับแมวอเมริกันขนสั้นสีดำ ผลก็คือ ได้ลูกแมวสีดำขลับ
ลักษณะสายพันธุ์
สี : ดำขลับ
รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางมีกล้ามเนื้อชัดเจน หัวโตหน้าผากกลมกว้าง หูกลมและเอียงไปทางข้างหน้า มีจมูกสั้น
สีดำคางเห็นชัดเจน ตากลมโตสีตาเป็นสีทอง ขายาวปานกลาง เท้าเล็กรูปไข่
ลักษณะนิสัย : อ่อนโยนไม่ก้าวร้าวสามารถปรับตัวเข้ากับแมวตัวอื่นๆได้ดีและชอบอยู่กับมนุษย์ไม่ปลีกตัวไปไกล
เเมว
จากหลักฐานรูปปั้นแมว มัมมี่แมว และภาพเขียนผนังเกี่ยวกับแมวแล้ว เราเชื่อว่าได้มีการ
เลี้ยงแมวในอียิปต์ มาตั้งแต่โบราณกาล (ประมาณก่อนพุทธศักราช 2,600 ปี)อียิปต์เป็นชาติแรก
ที่ฝึกแมว ซึ่งเดิมเป็นสัตว์ป่าให้เชื่อง และเลี้ยงแมวไว้ในบ้านเพื่อช่วยจับหนู ช่วยให้พีชพรรณ
ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ปราศจากหนูรบกวน เมื่อแมวอียิปต์ ถูกพาลงเรือสินค้าแล่นไปในทะเล
เมดิเตอร์เรนียน เพื่อให้ช่วยจับหนูในเรือ เมื่อเรือจอด แมวอาจเดินขึ้นจากเรือ เพื่อเดินหยียด
แข้งขา หรืออาจ แวะชมสิ่งน่าสนใจ จนลืมกลับลงเรือ แมวจึงแพร่พันธุ์ไป ในประเทศต่างๆทั่วโลก
พันธุ์ของหมา
โกลเดินริทรีฟเวอร์
เป็นสายพันธุ์สุนัข มีถิ่นกำเนิดในประเทศสกอตแลนด์ มีขนยาว มีสีขนเหลืองอ่อน เหลืองทอง และเหลืองเข้ม โดยทั่วไปแล้ว เพศผู้ควรมีความสูง (วัดจากหัวไหล่ถึงปลายเท้า) ประมาณ 23- 24 นิ้ว และเพศเมียควรมีความสูงประมาณ 21.5-22.5 นิ้ว
มีต้นตระกูลมาจากสุนัขลากเลื่อนของประเทศไอซ์แลนด์และบริเวณตอนเหนือของทวีปยุโรป ซึ่งในที่สุดก็ใด้ถูกนำเข้ามาในยุโรป ณ พอเมอเรเนียซึ่งบริเวณด้านเหนือถูกล้อมรอบด้วยทะเลบอลติกและบ่อยครั้งอยู่ภายใต้การควบคุมของ เค้ลท์, สลาฟ, ประเทศโปแลนด์, ประเทศสวีเดน, ประเทศเดนมาร์ก และปรัสเซีย พื้นที่ส่วนนี้ขยายจากตะวันตกของเกาะรืเกน (Rügen) ไปจนถึงแม่น้ำวิสทูรา Vistula ซึ่งที่นั่นพอเมอเรเนียนได้เป็นทั้งสัตว์เลี้ยงและสุนัขใช้งาน ชื่อ Pomore หรือ Pommern แปลว่า "บนทะเล" ได้ถูกตั้งขึ้นประมาณช่วงสมัยของชาร์เลอมาญ
ชีซุ
เป็นชื่อของสุนัขพันธุ์หนึ่ง แปลว่า สุนัขสิงโต เป็นสุนัขในสามสายพันธุ์ชั้นสูง พวกเดียวกับปักกิ่งและปั๊ก เป็นสุนัขที่หรูหราที่สุดจากจักรพรรดิจีน โดยกล่าวว่าพระทิเบตมอบสุนัขพันธุ์ชิสีให้จักรพรรดิจีนเป็นของกำนัล สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักนอกอาณาจักรจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 เริ่มจากอังกฤษ ฝรั่งเศส ซือจื่อเป็นสุนัขตัวเล็กขนยาว เจ้าเสน่ห์มีหางไม่ยาวนักยกสูงขึ้นเหนือหลัง ขนที่หัวมักจะโดนรวบขึ้นแล้วผูกโบว์สีแดงดูสะดุดตามาก มีท่วงทำนองการเดินสูงศักดิ์แบบขุนนาง แต่ลักษณะการเห่าของซือจื่อจะมีความเป็นเฉพาะตัวอย่างมาก เนื่องจากส่วนใหญ่มันจะเห่าทักทายด้วยเสียงใหญ่ดังน่ากลัวมากตลอดเวลาจนกว่า เจ้าของจะปรามถ้าเป็นแบบทีคัพก็จะยังดังอยู่มากด้วย
ประวัติของเสือโคร่ง
เสือโคร่งมีโครโมโซมจำนวน 38 โครโมโซม มีความยาวโดยเฉลี่ยจากหัวไปจนถึงโคนหาง 1.4-2.8 เมตร หางยาว 60-95 เซนติเมตร น้ำหนักตัว 130-260 กิโลกรัม มีขนลำตัวสีน้ำตาลเหลืองหรือเหลืองอมส้ม มีลายสีดำ พาดขวางตลอดทั้งลำตัวเป็นจุดเด่น ซึ่งลายเส้นนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสือโคร่งแต่ละตัวจะมีลายไม่เหมือนกันเช่นเดียวกับลายนิ้วมือของมนุษย์ ส่วนหางมีแถบดำเป็นบั้ง ๆ หรือวงสีดำสลับน้ำตาล ปลายหางมีสีดำ โดยไม่มีพู่เหมือนสิงโต ซึ่งเป็นสัตว์ในสกุลเดียวกัน ขนใต้คาง คอ และใต้ท้องเป็นสีขาว ขนเหนือบริเวณตาเป็นสีขาวหรือเป็นแถบหรือเส้นสีดำพาดขวางเช่นกัน หลังใบหูมีสีดำและมีจุดสีขาวนวลอยู่ตรงกลาง อายุโดยเฉลี่ย 15-20 ปี
เสือโคร่งมีพฤติกรรมและอุปนิสัยชอบอยู่เพียงลำพังตัวเดียวโดด ๆ ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์จึง จะจับคู่กัน อายุที่พร้อมจะผสมพันธุ์ได้นั้นคือ 3-4 ปี โดยตัวเมียจะเป็นสัดทุก ๆ 50 วัน และจะส่งเสียงร้องดังขึ้น ๆ และถี่ขึ้นเรื่อย ๆ การผสมพันธุ์ของเสือโคร่งนั้นใช้เวลาเร็วมาก คือ ใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วตัวผู้จะแยกจากไป และอาจไปผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวอื่น ตัวเมียที่ปฏิสนธิแล้วจะตั้งท้องนานประมาณ 105-110 วัน คลอดลูกครั้งละ 1-6 ตัว และจะเลี้ยงลูกเองตามลำพังโดยไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ประมาณ 2 ปี
ชอบอาศัยอยู่ตามป่าทึบสลับกับทุ่งหญ้าโล่ง ชอบว่ายน้ำและแช่น้ำมาก ซึ่งแตกต่างจากเสือสายพันธุ์อื่น ล่าเหยื่อได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ส่วนใหญ่ในเวลากลางวันจะนอนพักผ่อน ล่าเหยื่อในเวลาเย็น พลบค่ำ กลางคืน หรือขณะที่อากาศไม่ร้อนจัด มีสายตาที่มองเห็นได้ทั้งที่มืดและสว่าง จะคืบคลานเข้าหาเหยื่อในระยะใกล้ 10-25 เมตร จนกระทั่งได้ระยะ 2-5 เมตร จึงกระโดดใส่ หากเป็นเหยื่อขนาดเล็กจะกัดที่คอหอย หากเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น เก้ง หรือ กวาง จะกัดที่ท้ายทอยหรือหลังด้านบน เสือโคร่งวิ่งได้เร็วกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถกระโจนในระยะทาง 500 เมตรได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556
สัตว์ที่ดุร้าย
Some wild animals, if we look at it carefully, you will see the beauty above Entry to love it.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)